


หลังจาก เราเริ่มเลี้ยงได้ประมาณ 3 เดือน เราได้ผลผลิตจากไส้เดือน คือ มูลไส้เดือน น้ำหมักมูลไส้เดือน และลูกๆ หลานๆ ไส้เดือน จำนวนหนึ่ง เราเริ่มนำมูลไส้เดือน และน้ำหมักมูลไส้เดือน มาใช้กับไม้ผล และไม้ประดับ ในบ้าน ได้ผลดีมากครับ จากกล้วยไม้หวายที่เลี้ยงมา ประมาณ 1-2 ปี ที่โทรม ก้านที่แตกออกมาผอม ดอกที่ออกมาเพียง 3-7 ดอก/ช่อ และดูไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่หลังจากใช้น้ำหมักมูลไส้เดือน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น กิ่งที่แตกออกมาใหม่เริ่มอวบอ้วนขึ้น ช่อดอกที่ออกมาเริ่มมีดอกมากขึ้น ช่อใหญ่ขึ้น ความสมบูรณ์ของใบ และลำต้นดูสดใส กว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน ส่วนมูลไส้เดือนนั้นลองใส้ในไม้ผล โดยแก้วมังกรที่ปลูกในกระถางมากว่า 2 ปี ไม่เคยมีผลให้เชยชม แต่ปีนี้เรากับได้เห็นดอก และผล แทบทุกกิ่ง และผลแต่ละผลนั้นใหญ่ สมบูรณ์มากครับ ต้นไม้อย่างต้นลำดวน ที่ปลูกมากว่า 3 ปีนั้น จากที่ทรงๆไม่โต และก็ไม่ตายนั้น หลังจากได้มูลไส้เดือน และน้ำหมักมูลไส้เดือน ประมาณ 2-3 เดือน เริ่มแตกยอด และดูเหมือนมันเริ่มฟื้นคืนชีพ และสดชื่นขึ้น (อาจเป็นเพราะดินในหมู่บ้านจัดสรรเดิม ขุดดินเหนียว หรือดินไม่ดีมาจัดสวนใหเราก็เป็นได้) เมื่อเริ่มใช้อินทรีย์วัตถุมาเป็นแร่ธาตุให้พืช และช่วยปรับโครงสร้างของดินให้ร่วนซุย เก็บความชึ้นได้ดี มีธาตุอาหารสมบูรณ์ ดินในพื้นที่บ้านเราก็เริ่มดี
ถึงวันนี้เราเริ่ม พัฒนา และขยายการผลิต อินทรีย์สารต่างอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเราเริ่มดำเนินการสร้างฟาร์มไส้เดือน เพื่อผลิตมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลไส้เดือน และพ่อแม่พันธุ์ไส้เดือน เพื่อใช้ในการเกษตร โดยเราจัดการแบ่งพื้นที่ๆมีอยู่ 4.5 ไร่ เป็นบ่อน้ำ และเลี้ยงปลาประมาณ 200 ตร.วา บริเวณบ้านพักอาศัย ประมาณ 200 ตร.วา โรงเรือนเลี้ยงไส้เดือน ประมาณ 1 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 2 ไร่กว่า เราเริ่มต้นทำสวนผลไม้ และไม่ใบต่าง เช่น มะม่วง มะยงชิด กระท้อน สะเดามัน แก้วมังกร กล้วย และพืชผักสวนครัวต่างๆอีกมากมาย ขาดอย่างเดียวคือ นาข้าว ซึ่งถ้ามีโอกาสเราก็อยากทำเพื่ออย่างน้อย ก็สามารถอยู่ได้โดยดำเนินตามแนวทาง "พอเพียง" ของในหลวงท่าน
สำหรับ ผู้ที่สนใจเลี้ยง หรือหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เทศบาล ที่ต้องการข้อมูลในการเลี้ยงเพื่อกำจัดขยะสด ขยะอินทรีย์ในพื้นที่ ติดต่อได้ที่ 086-889-9958 บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ และดำเนินการบริหารโครงการ
ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล
http://www.baankhongdee.pantown.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น