วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

และแล้วการตัดสิน คดีน้องแพรวาชนรถตู้ตาย 8 ศพ ก็สิ้นสุดโดย ...... สุด ๆ แห่งความเที่ยงตรง

ข่าวช่อง 3 เรื่อง น้องแพรวา  เทพหัสดิน ณ อยุธยา แล้วของขึ้นเลยอ่ะ
เค้าสรุปแถลงการณ์ว่าแพรวาไม่ผิดอะไร ไม่ได้ชนรถตู้ รถตู้เสียหลักชนกำแพงเอง แล้วแพรวาก็ชนกำแพงเองไม่เกี่ยวข้องกัน แถมจะฟ้องกลับคนขับรถตู้ว่าทำไมขับรถเลนขวา และคล่อมเลน และขอความเห็นใจให้น้องแพรวาที่โดนสังคมประนามจากข่าวผิดๆ และขอร้องสื่อมวลชนให้ๆข่าวที่ถูกต้องด้วย เค้าว่าถ้าแพรวาชนท้ายจริงสภาพน้องต้องบาดเจ็บมากกว่านี้เพราะขับแค่ซีวิค รวมถึงยังไม่มีกองพิสูจน์หลักฐานไหนสรุปว่าแพรวาชนจริง ส่วนญาติฝ่ายผู้เสียหายหลายชีวิตบอกว่า เห็นๆอยู่จากกล้องวงจรปิดว่า ชนท้ายถึง2ครั้งทำไมสรุปแถลงการณ์อย่างนี้ แล้วถ้าไม่ชนตอนแรกแพรวายอมรับว่าชนทำไม ฟังแล้วเซ็ง ทำอย่างนี้สังคมยิ่งรังเกียจของอย่างนี้รู้ๆกันอยู่ ญาติผู้ตาย1รายเอาเงินค่าทำศพคืนแม่แพรวาเป็นเงิน 40,000บาท รวมถึงรานอื่นๆก็บอกว่าไม่เคยไปเรียกร้องอะไรทำไมข่าวออกมาว่าทางแพรวาบอกว่าญาติผู้เสียหายเรียกร้องมากเกินเหตุ เค้าแค่อยากให้ออกมาแสดงความเสียใจ ใครจะกล้าเรียกอะไรใหญ่คับฟ้าขนาดนั้น ช่วยส่งต่อด้วยนะคับ ข่าวไม่ดังเลยเพราะสื่อไม่กล้าลง"ถ้าเป็นอย่างนี้ จะหาความยุติธรรมจากที่ไหน ครับพี่น้อง นี่ขนาดเป็นคดีดังออกสื่อรู้กันอยู่กับพลิกได้ แล้วถ้าเกิดกับพวกเราคนธรรมดา ไม่ได้เด่นดัง จะได้อะไรบ้าง สมแล้วกับการ ที่เค้า ว่า 2มาตราฐาน จริงๆ ...


ย้อนอดีตกันสักนิด เผื่อบางคนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว  



สิวขึ้นหน้าผากเม็ดใหญ่เลย!!!!!!


,






เหยื่ออีก 1 ราย คือนักศึกษาจากเมืองเชียงใหม่
นายปรัชญา(ต้น) คันธา อายุ 21 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อยู่บ้านเลขที่105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ต้องจบชีวิตลงเพราะความประมาทเลินเล่อของคนบางคน

ขอให้น้องต้นไปสู่สุขติครับ






ทุกคนกะลังช่วยเหลือคนเจ็บ...แต่ดูเธอทำ...?








อีกหนึ่งเหยื่อของเหตุการณ์นี้

นุ่น สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษานิติศาสตร์ ปี 3 ม.ธรรมศาสตร์

นุ่น เปนคนอัธยาศัยดี ช่วยเหลือคนอื่น เธอคือคนที่เพื่อนรัก
นุ่น มีเวลาชอบไปออกค่ายช่วยเหลือชุมชนกับเพื่อนๆ

นุ่น กำลังจะเรียนจบนิติ และอยากจะสอบเป็นผู้พิพากษาให้พ่อ

นุ่น เรียนเก่ง จบมาต้องได้เป็นผู้พิพากษาอย่างที่หวังไว้แน่ๆ

นุ่น แม้จะอยู่ไกลเพื่อน แต่นุ่นก็โทรมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้เพื่อนถึงขอนแก่น


เพื่อนบอกว่าเวลานุ่นไปดูดวง มีคนบอกว่านุ่นเปนคนมีบุญ ทำบุญมาเยอะ

เพราะว่านุ่นเปนคนมีบุญ เลยจากพวกเราไปเรว เพราะกรรมนุ่นหมดแล้ว

นุ่นชอบบอกว่้าตัวเองเปนนางฟ้าตกมาจากสวรรค์

ถึงตอนนี้นุ่นต้องกลับไปที่ที่นุ่นจากมา...

...นุ่นไม่ได้ไปไหน นุ่นก็แค่กลับสวรรค์...



เหยื่ออีกรายหนึ่ง
นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ

เป็นคนเก่งคนหนึ่งหลังจากเรียนจบ ม.ปลายที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม ก็กลับมาใช้ทุนที่คณะสถาปัตยกรรม ม.ธรรมศาสตร์ และเตรียมที่จะขอทุนไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ


ขอให้ไปสู่สุขติครับ



ชีวิตของคนที่ส่งตัวเองเรียนจนจบ ดร. กับชีวิตของคนที่บ้านมีฐานะพ่อแม่ซื้อรถให้ขับ มันต่างกันยิ่งนัก ...




ผลงานวิจัยไบโอเทคได้รับรางวัล Excellent Paper Award for Overseas Researchers 2010
นี่คือหนึ่งในผู้เสียชีวิต( ผู้ชายสูง) เป็นรุ่นพี่ Biotechnology ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก

เป็นบุคลากรคนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ แต่ต้องมาจบชีวิตเพราะขยะสังคม



เหยื่ออีกราย เธอคือพนักงานขับรถตู้โดยสาร ชื่อ นางนฤมล(ติ๊ก) ปิดตาทะนัง อายุ 38 ปี

เป็นคนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง ใฝ่รู้ รักเพื่อนฝูง และรักในอาชีพของตนเอง ถึงแม้เธอจะมีวุฒิไม่สูงเหมือนใครๆ แต่เธอก็เป็นคนดีของสังคมที่น่ายกย่องเชิดชู ในฐานะรากหญ้าที่ทำมาหากินสุจริต ขอให้คุณติ๊กไปสู่สุขติครับ




เจอใน pantip ขออนุญาต share ค่ะ

"เนื่องจากดิฉัน ในฐานะนักศึกษาคนหนึงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเพื่อนดิฉันเสียชีวิตในเหตุการณ์ (นุ่น สุดาวดี นิลวรรณ ) ในวันเกิดเหตุทันทีที่ทราบข่าวรถตู้ประสบอุบัติเหตุ ประมาณ สามทุ่มกว่าๆ เพื่อนดิฉันจำนวนหนึ่งได้รีบเดินทาง ไปที่ ร พ วิภาวดี เพื่อดูอาการเพื่อน ซึ่งในห้องฉุกเฉินของ ร พ นั้น เต็มไปด้วยเตียงคนเจ็บจำนวนมาก แพทย์และพยาบาลก็วุ่นวาย ในการช่วยเหลือคนเจ็บอย่างเต็มที่ ในขณะที่เพื่อนดิฉันก็ วุ่นวายอยู่กับการหาเพื่อนที่บาดเจ็บ ว่าเป็นอย่างไร คนไหน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็น รถเข็นเตียงผู้ป่วย เข็นออกจากห้อง Red Zone ซึ่งบนเตียง มีร่างหญิงสาว ใส่ชุดสีดำ ตามตัวมีบาดแผลถลอกนิดหน่อย แต่ในมือ เธอกำลังกดบีบี ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

ในขณะนั้น เพื่อนของดิฉัน ไม่ทราบว่า เธอคือ แพรวา คนที่ ขับรถชนรถตู้ เป็นเหตุให้เราสูญเสีย ทรัพยาการบุคคลไปถึง 8 คน
ที่ตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากบอกให้คนบางคนที่มองในมุมว่า แพรวา คือเยาว์ชนและยังเด็ก กระทำไปโดยประมาท ไม่ได้ตั้งใจ
คือประเด็นมันน่าจะอยู่ที่จิตสำนึกมากกว่า อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดกันได้ทุกคน ทุกเวลาก็จริง แต่หากผู้กระทำมีส่วนสำนึกในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป กระแสสังคมคงไม่ประณาม เธอถึงขนาดนี้
(ดิฉันไม่ได้อคติ กับแพรวา เพียงเพราะเธอนามสกุล เทพหัสดิน ณ อยุธยา แต่อยากให้คนที่ทำผิด สำนึกผิดและเป็นไปตามขั้นตอนตามกฏหมาย )




มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมคะ น.ส.ตรอง สุดธนกิจ หรือพี่ซีตรอง สิงห์แดงรุ่น57 จบรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ปีการศึกษ2551 อดีตนักเรียนมาแตร์เดอีวิทยา ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ credit : pantip



นี่แหล่ะ Dr.


ประวัติดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง

ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ "เป็ด" เกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2521 ที่จังหวัดราชบุรี และได้รับทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อปี 2538 เพื่อไปศึกษาในระดับปริญญาตรี-โท-เอก ที่ประเทศอังกฤษเมื่อสำเร็จระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพจาก University of Bermingham ในเดือนมกราคม 2549 "ดร.เป็ด" ได้กลับมาเริ่มงานที่ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมโปรตีนลิแกนด์และชีววิทยา โมเลกุล หน่วยวิจัยชีววิทยา





ทีมกฏหมาย มธ. ยอมง่าย ๆ เหรอนี่  

บุคลากรระดับหัวกะทิ ตายฟรี ๆ น่าเสียดายมาก ๆ 
แล้วชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่มีชื่อเสียงไม่มีสตังค์ 
ก็ต้องผิดวันยังค่ำเลยเหรอ 
ส่วนคนมีตังค์ทำอะไรก็ไม่มีผิด กฏหมายมันมีช่องให้ลอดได้ตลอดหว่ะ
โอ พระเจ้า เข้าข้างคนมีตังค์ หว่ะ 5555++++
ระบบเส้นใหญ่ค้ำฟ้า เมืองไทย ไปตลอดรึไง
ใครมีทางแก้ไขรีบดำเนินการหน่อย เน้อ





ขอบคุณข้อมูลจาก 
Pichamon Kumlaeid 

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พันธมิตร แฉความไม่ชอบมาพากลของ รัฐบาลประชาธิปัตย์

พันธมิตรแฉ 83 ข้อเสีย รัฐบาลประชาธิปัตย์


ลองอ่านดู จริงไม่จริง ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของท่านผู้อ่าน ครับ




ความคิดเห็นที่ 5





ผลงานของ “นายกฯศรีธนญชัยแต๋วแตกขายชาติแห่งพรรคประชาธิเปรต & รัฐบาลโจรเสื้อนอก” ชี้ชัด ไม่ต่างเอี้ยหางแดง.

1 ประชานิยมผลาญเงินหลวง แจกลูกเดียวฟรีมันทุกอย่าง (มอมเมาประชาชนซื้อเสียงล่วงหน้า)

2 มีแต่กู้(อ้างโครงการไร้สาระและเอางบประมาณมาแดกกันแถมแก้กฎหมายกู้เงินอาจนำพาไปสู่หายนะทางการเงิน)

3. แต่งตั้งตำรวจเลวให้มีอำนาจประเทศชาติไร้ซึ้งความยุติธรรม

4. รัฐมนตรี ข้าราชการ สส มีแต่พวกสกปรก เช่น สุเทพ/ประวิทย์/โสภณ ซาเล้ง/พัชรวาท/เนวิน/อนุพงษ์/ปู่ชัย/แถมเอาเจ้าแม่อ่าง อบ นวดมาบริหารประเทศ คุมกระทรวงพานิชย์ฯลฯ

5. กระทรวงต่างๆมีแต่ข่าวคอรับชั่น เช่น โกงเรื่องปลากระป๋องเน่า/ข้าวสารเน่า (เน่าแล้วเน่าอีกเน่าซ้ำซาก)

6. ทุจริต นมโรงเรียน (มันโกงแม้กระทั้งเด็กนักเรียน)

7. ทุจริตเครื่องชี้ระเบิด “GT 200” และเครื่องตรวจหาสารเสพติด “ALPHA 6”

ยุคทักษิณปี 48 ซื้อมาใช้ 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 2 หมื่น

ยุคสุรยุทธ์ปี 49 สั่งเพิ่มมาอีก 500 เครื่อง เครื่องละ 7 หมื่น

ยุคอภิสิทธิ์ปี 52 ซื้อเพิ่มอีก 2,000 เครื่อง เครื่องละ 1.4 ล้านบาท (แต่ยังส่งไม่ครบ 2 พันเครื่องเรื่องแตกเสียก่อน)

(สุดยอดของมหกรรมหลอกลวงต้มตุ๋น)

8. คดีทุจริตเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่ได้รับจากกกต.29ล้าน แล้วก็สร้างหลักฐานเท็จในการใช้เงิน เนื่องจากกระทำการเข้าข่าย มาตรา 62 และ65 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมือง 2541 และมาตรา82และ 93 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมือง 2550 จากกรณีใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเป็นที่มาของคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

9. คดีการรับบริจาคเงิน รับเงินใต้โต๊ะ 258 ล้านจากประชัย และยักย้ายถ่ายเทเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของปปช. และเป็นที่มาของคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุด มีความพยายามจะแก้กฎหมายมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค ( เมืองไทยถึงยุคโจรเสื้อนอกครองเมือง )

10. รถเมล์ 4,000 คัน(โกงแบบอุบาทมากๆหน้าด้านสุดๆ)/ ล่าสุด คมนาคม ตั้งเรื่องของบประมาณปี 55 สูงถึง 2.3 แสนล้าน เพิ่มขึ้นจากงบปี 54 กว่า 117%

11. ย้ายดอนเมือง “อนุมัติสร้างสุวรรณภูมิ”ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแต่เพื่อจะแดกกัน/

12. จะ “แปรรูปการรถไฟ”ทั้งๆที่มีกระแสต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและสัมปทานของรัฐ/

13. โครงการ “ สปก 4-01” ก็จะเอามาปัดฝุ่นและก็โกงอีกยังไม่เข็ด/

14. เรื่อง “เขาพระวิหาร”ก็โกหกประชาชนจนเขาจับได้ว่าไปเจรจาสวมรอยผลประโยชน์แทนทักษิณ จนฮุนเซนยกสัมปทานน้ำมันให้ต่างชาติในเขตอ่าวไทยก็ยังเฉยไม่เดือดร้อนอะไร

และ “ต้นเหตุ”ของการเสียดินแดนคือ MOU ปี 43 ลงนามโดย “นาย ชวน หลีกภัย” โดยไม่ผ่านสภา เป็นการรับรองแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000

ล่าสุด !!!จะแก้กฎหมาย มาตรา 190 เรื่องการทำหนังสือสัญญาระหว่างรัฐที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาและต้องทำประชาพิจารณ์ ( ต่อไปแอบไปเซ็นต์ขายชาติที่ไหนก็ได้ประชาชนหมดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจะได้กินได้โกงกันแบบสบายใจ)

15. ทักษิณจัดงานวันเกิดล่ารายชื่อกดดันในหลวง อภิสิทธิ์บอกจะไปเตะบอล

16. เคลือข่ายวิทยุและดาวเทียมเสื้อแดงรัฐบาลก็ปล่อยให้โจมตี สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้อย่างเสรี

17. วางแผนแก้กฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้พวกทักษิณและสส. เสื้อแดงหวังเงินแบ่งหลายหมื่นล้านถ้าทำสำเร็จ(คงจะยากข้ามศพพันธมิตรไปเสียก่อน)

18. ขึ้นภาษีอย่างไม่สนใจหัวใจคนในชาติว่าจะแบกภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้อย่างไร เช่น น้ำมันขึ้นเกือบ10 บาทต่อลิตร

19. ใช้สื่อของรัฐไปในทางหาเสียงโฆษณายังกับสินค้าให้รัฐบาลของตน และพูดอยู่ข้างเดียว

20. ยัดข้อหาพันธมิตรทั้งๆที่รู้อยู่แกใจว่าพันธมิตรไม่ผิดหวังจะสกัดการเมืองใหม่ อนาคตจะได้ผสมพันธุ์กับพวกหางแดง

21. เล่นละครเตือนเสื้อแดงเบ้างเป็นระยะเพื่อให้ภาพออกมาว่าเป็นกลางกับทุกฝ่ายแต่หลับตาข้างหนึ่งให้สีแดงเสมอจนกระทั้งบุก ถึงวังที่หัวหินรัฐบาลก็เฉยไม่รู้เรื่อง

22. ส.ส. 14 คนของประชาธิปัตย์ถูกเฉชือดและรอคิวอีก 40 คนจาก กกต ว่าทุจริตถือหุ้น และหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นสัมปทานของรัฐ เช่น
1 ปตท. /
2 ขสมก /
3 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น /
4 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) /
5 บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) /
6 บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) /
7 บริษัท โทเทิลแอคแซสคอมมูนิเคชั่น จำกัด /
8 ถือหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ฯลฯ

23. สส. ประชาธิปัตย์ทุจริตโครงการ “ชุมชนพอเพียง”

24. โกงคอมพิวเตอร์โรงเรียน (เครื่องละ 60,000 บาท)

25. กระทรวงสาธารณสุข ล็อกสเปค 3 ครุภัณฑ์ เอื้อเอกชน เครื่องดมยา - ตรวจหัวใจ – ตรวจสารชีวเคมีในเลือด

26. สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ถูกเปิดโปง ความไม่ชอบมาพากล ในการใช้ “งบประชาสัมพันธ์”ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

27. ผู้ใหญ่ ร.ฟ.ท.สั่งหยุดเดินรถไฟเพื่อดิสเครดิตสหภาพฯเปิดทางรัฐบาลเข้าแปรรูป(รัฐบาลประชาธิปัตย์เลวไม่ต่างอะไรกับ รัฐบาลทักษิณ)

28. รัฐบาลประชาธิปัตย์เจรจากับประเทศสมาชิกเพื่อเปิดเสรีการลงทุนในอาเซียนทางภาคเกษครกรรม(ACIA) 3 สาขา ได้แก่

1การเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช

2 การทำประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

3 การทำป่าไม้จากป่าปลูก

(เป็นการเร่งให้เกิดการกว้านซื้อและเช่าพื้นที่เกษตรกรรมและกลุ่มทุนต่างชาติเข้าไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรม / การจดสิทธิบัตรจากสายพันธุ์พืชไทย
ในขณะที่มีบริษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติรายหนึ่งกำลังผลักดันกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชเพื่อไม่ให้แบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐและชุมชน)
ซึ่งจะบังคับใช้ในปี 2553 เท่ากับเป็นการทำลายเกษตรกรและคนส่วนใหญ่ของประเทศ
(ข้อนี้เลวมากจริงๆจะขายชาติขายแผ่นดินไปถึงไหน)

29. เปิดเอกสารจับโกหก “เทพเทือก” เป็นผู้สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้าย เอี่ยว “ทุจริตจักรยานยนต์ไทเกอร์” กว่า 429 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวทำมึนงง อ้างเรื่องเกิดก่อนเป็น รองนายกฯ

30. นายสุเทพในฐานะประธาน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ละเมิดกฏหมาย คว่ำมติ ปปช.
กรณีชี้มูลความผิดนายตำรวจ 3 นายในคดีสลายม็อบ7ตุลาคม ซึ่งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมติยืนยันแล้วว่า ก.ตร.ไม่มีสิทธิโต้แย้งมติป.ป.ช.เหมือนมีคำสั่งประหารชีวิตไปแล้ว แต่มาเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้
(การกระทำอย่างนี้ถือว่านายสุเทพและรัฐบาลเป็นผู้ทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างเลวร้ายที่สุด)

31. มอมเมาประเทศชาติด้วย “หวยออนไลน์”เป็นอบายมุขทั้งๆที่พันธมิตรได้เคยต่อสู้กับทักษิณมา ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ มีมติอนุมัติหน้าตาเฉยเลย ล่าสุดไม่เห็นด้วยทำไมไม่แสดงความเห็นคัดค้านตั้งแต่แรก ( เบื้องหลังรัฐเบรกหวยออนไลน์ 1) กลัวท่อน้ำเลี้ยงแห้ง 2) ยี่ปั๊วรายใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์มายาวนานเสียประโยชน์ )

32. “กอร์ปศักดิ์”เลิกขวางขายข้าวโพด แต่กว่าจะจบรัฐเสียหาย 5 พันล้าน ( เจ็บปวดจริงๆเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น)

33. เผยแผ่นซีดี “รักหรือทำลาย ประเทศไทย”โจมตีเหมารวมทั้งคนเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แจกบนที่ว่าการอำเภอถลาง เป็นฝีมือของรัฐบาลชัดเจน

34. กรณีการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง จำนวน 232 คัน ตามสัญญาเลขที่ 11/2549 ของกระทรวงสาธารณสุข ถังออกซิเจน-ชุดปรับความดันในรถพยาบาลฉุกเฉินฉาวของกระทรวงสาธารณสุข นำเข้าไม่ผ่าน อาหารและยา เตรียมดำเนินคดีบริษัทฐานนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่ห้ามนำเข้า จำคุก 5 ปี ปรับ 2.5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

35. ขึ้น “ค่าโทลเวย์แพง”เกินเหตุเอื้อประโยชน์เอกชน ขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน ล่าสุด ( มูลนิธิเพื่อ ผู้บริโภคร่วมมือนักกฎหมาย ฟ้องกรมทางหลวง รมต.คมนาคม และคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนสัญญาสัมปทานกรณีโทลล์เวย์ )

36. กรณี “มาบตาพุด” จน สภาทนายความฯ ออกแถลงเตือนรัฐบาลและเอกชนอย่าข่มขู่ประชาชน บิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตาม
คำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้เร่งแก้ปัญหามลพิษมาบตาพุด เตรียมยื่นคำร้องละเมิดอำนาจศาล สร้างความแตกแยกและมีแต่จะเอาชนะประชาชน( ประชาชนมาก่อนหรือประชาชนตายก่อนอยากขอถามรัฐบาล)

37. นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการสอบสวนการ “ทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข”แถลงผลการสอบสวนว่า การจัดตั้งงบประมาณของโครงการนี้ มีพฤติกรรมพยานหลักฐานทำให้เกิดการทุจริตจริง ได้แก่ การขอตั้งงบประมาณสิ่งก่อสร้าง ครุภัณฑ์การแพทย์ และรถพยาบาล ราคาตั้งไว้สูงเกินจริง ซึ่งส่อเจตนาการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่สามารถปัดความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ถือว่ามีส่วนเปิดช่องทางให้มีการทุจริต นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็ง แต่มีพฤติกรรมก้าวก่าย ล้วงลูก กดดัน ให้มีการจัดสรรงบประมาณเกินจำเป็น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ( เวรกรรมเห็นทันตา )

38. ครม.เห็นชอบแผนปฎิรูป ร.ฟ.ท. แถมได้งบเพิ่มจาก 1 แสนล้านบาทเป็น 1.5 แสนล้านบาท ตีตกความเห็น สศช.เสนอตั้งกรมรถไฟหลวง แยกงานโครงสร้างพื้นฐาน ทำแบบก้าวกระโดดเพื่อทำลายสหภาพฯ จากนั้น ครม.สั่ง ร.ฟ.ท.ทำรายละเอียดแผนลงทุนแต่ละโครงการภายใน 45 วัน สบช่องสั่งเดินหน้าตั้งบริษัท ลูกแอร์พอร์ตลิ้งค์ (ตั้งหน้าตั้งตาแดกกันจริงๆ)

39. ทุจริต “การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์” ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข็มแข็ง (SP2) ปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วิทยาลัยอาชีวศึกษา 415 แห่งมีมติร่วมกันที่จะไม่รับวัสดุครุภัณฑ์การฝึก ราคาแพงเกินจริง ครุภัณฑ์ด้อยคุณภาพไม่ตรงความต้องการใช้ในการเรียนการสอน(เวรกรรมมีจริง)

40. กรณี “มาบตาพุด” นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นศาลปกครองสูงสุดฟ้องนายอภิสิทธิ์และครม.ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานฯ ขอไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราว ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ.2553 พร้อมขอเพิกถอนคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการ หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และ ยังไม่เคยถามความเห็นประชาชนก่อนออกกฎหมาย คณะกรรมการประสานงานฯชุดนี้ โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นบุคคลจากทางภาครัฐและไม่มีภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม (เลวมากเห็นประชาชนเป็นผักเป็นปลา)

41. ผลสอบ สตง. ระบุชัด ปตท.ยังส่งคืนสมบัติแผ่นดินให้กระทรวงคลังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โกงท่อก๊าซฯบนบกและในทะเลมูลค่ารวม 32,613 ล้านบาท คุณ รสนา"ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช และอธิบดีกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2553 ที่ผ่านมา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ติดตามเรียกคืนทรัพย์สินจาก ปตท เพิกเฉยเจอม.157 ข้อหาละเว้น
“ครม.อภิสิทธิ์”ทราบเรื่อง ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้วแต่ทุกฝ่ายกลับอุบเรื่องเงียบ ( รัฐบาลนี้ไม่มีความแตกต่างจากรัฐบาลทักษิณออกกฎหมายเพื่อล้มล้างความผิดของตนเอง และมีผลบังคับใช้ 3 วันก่อนมีคำพิพากษา )

42. โกงเรื่องต่อสัญญาช่อง 3 รับเงินใต้โต๊ะ รู้เห็นเป็นใจโดยข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชงเรื่องให้นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาว่า ไม่ต้องนำเรื่องการต่อสัญญาช่อง 3 นี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพื่อ จะได้หลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติร่วมทุนนั่นเอง เพื่อให้ อสมท สามารถจัดการเองได้ทันที นายสาทิตย์ได้ลงนามไปเรียบร้อยแล้วว่า ไม่ต้องนำเรื่องเข้าสู่การประชุม ครม.และการที่ อสมท ต่อสัญญาให้ ช่อง 3 อีก 10 ปี ซึ่งจะครบสัญญาในปี 2563 ส่งผลให้อสมท จะขาดรายได้ถึงกว่าหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน(สื่อชั่ว +รัฐบาลเลว )

43. โกง “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” อ้างหน้าด้านๆ น้ำมันขึ้นราคา ทั้งที่มีค่าเค ลดงบรื้อถอนสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มงบค่างาน หาเงินด้วยการโกงบ้านกินเมืองนับหมื่นล้าน “อภิสิทธิ์”แค่เซ็น รับทราบ แต่ปล่อยให้สร้างต่อ เท่ากับหลับตาร่วมกันโกง (นายกฯอภิสิทธ์ชักทำตัวเหมือนศรีธนญชัย)

44. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟสบุ้ค โดยกล่าวพาดพิงทำลายพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่อย่างชัดเจนทำให้เกิดความเสียหายและเข้าใจผิด แถมยังมาปล่อยข่าวปั่นหุ้นดาวเทียมไทยคม
ล่าสุดออกมาโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟสบุ้คนายกฯ โดย กล่าวคำที่ปกปิดความจริง เล่นคำ ตัดสาระสำคัญในเอกสาร หลอกลวง คนไทยทั้งชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แผนที่เติม (s) และ เรื่อง แผนที่ 1:200,000 ทุกฉบับ แล้วยกเว้น เฉพาะแผนที่ 1:200,000 บริเวณปราสาทพระวิหาร ทั้งๆที่ในเอกสารไม่ได้ระบุ “ข้อยกเว้น”ตามที่ นายศิริโชค โสภา พยายาม “ผายลม” ออกมาแต่เป็นการตีความเอาเองโดยฝ่ายเดียวแบบศรีธนญชัย เพราะใน เอกสาร MOU 2543 ชี้ชัดเจน ว่ายอมรับแผนที่ฝรั่งเศษจัดทำขึ้น

45. อ้างเรื่อง “โรดแมป” มาบังหน้า แผนปรองดองก็คือแผนยกประเทศให้โจร เหตุเพราะ
1 สามารถใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้เต็มปี และสามารถจัดสรรงบประมาณในปีหน้า
2 โยกย้ายข้าราชการได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ ทหารและตำรวจ
3 สามารถใช้เวลานี้สมคบกับนักการเมืองทุกฝ่ายแก้ไขกติกา รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเองทั้งสิ้น (รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรค)

46. ทุจริตโครงการเช่าระบบการให้บริการประชาชนด้านการ “ทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่”วงเงิน 3.4 พันล้านบาทแก้ไขทีโออาร์เพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนบางราย

47. ทุจริตโครงการ “ถนนปลอดฝุ่น” (ถนนไร้ฝุ่น) หนึ่งในโครงการไทยเข็มแข็ง ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท

48. ทุจริตงบ “ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน” โดยเฉพาะงบภัยหนาวที่จังหวัดใช้เงินทดลองราชการได้ครั้งละ 1 ล้านบาท

49. ทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอที่ระบุว่ามี “ข้อสอบรั่ว” ช่วยเหลือ 140 ปลัดให้สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอแลกกับการแลกผลประโยชน์รายละกว่าล้านบาท เพราะเป็นไปไม่ได้ 140 คนตอบข้อสอบเหมือนกันทุกข้อ

50. กรณี “การซื้อขายตำแหน่ง” ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องจ่าย 20 ล้านบาท รองผู้ว่าฯจ่าย 17 ล้านบาทและถ้าเป็นนายอำเภอ 10 ล้านบาท

51. นโยบายรัฐที่เข้าไปแทรกแซงควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้เกิดการผูกขาด ทำลายเกษตรกรรายย่อยจนพินาศชิบหายหมดอาชีพ จนกลายเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างข้าราชการและทุนใหญ่ 9 ราย ดังต่อไปนี้
1 บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
2 บจก. อาหารเบทเทอร์
3 บจก. แหลมทองฟาร์ม
4 บจก. ฟาร์มไก่พันธุ์เกิดเจริญ
5 บจก.ฟาร์มกรุงไทย
6 บจก.ยูไนเต็ดฟีดดิ้ง
7 บจก.ยู่สูงอาหารสัตว์
8 บจก.สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี
9 หจก. อุดมชัยฟาร์ม

ล่าสุด เกษตรกร 113 ราย ได้รวมตัวยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลได้รับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 522/2553 แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนว่า มีคำสั่งทางปกครองที่ทำให้เกิดการผูกขาดละเมิดรัฐธรรมนูญ

52. ทุจริต “มอเตอร์เวย์”บางประอิน-โคราช 5.9 หมื่นล้าน ภาคประชาชนขู่ฟ้องศาลปกครองคระงับโครงการ ส่อพิรุธงบเดิม 2 หมื่นล้านพรวดเป็น 5.9 หมื่นล้าน

53. ทุจริต “ถนนเขาใหญ่” ล่าสุดกรมป่าไม้เตรียมเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องร้องกรมทางหลวงและองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) แล้ว และจะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

54. มหาดไทยส่อพิรุธ!! ปรับลดงบฯ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) “หมื่นล้านประเคน ส.ส.ทำโครงการ” กระทรวงมหาดไทยจะนำเงินจำนวน 1 หมื่นล้านบาทที่มีการปรับลดนั้นไปจัดสรรเอาไว้ในส่วนขององค์กรกรปกครองส่วนท้องถิ่นตามโครงการก่อสร้างถนนไร้ฝุ่น และก่อสร้างลานกีฬาเพื่อสร้างสังคมไทยเป็นสุข ปีงบประมาณ 2554 กระจายลงไปในทุกพื้นที่ การนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับพื้นที่ของ ส.ส. งบท้องถิ่นควรปล่อยให้ท้องถิ่นบริหารกันเอง
ซึ่งอาจจะทำให้ “ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266” ที่กำหนดไม่ให้ใช้สถานะหรือตำแหน่ง ส.ส.เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

55. ฉีกหน้ากาก!!คณะกรรมการฯแก้ไขปัญหามาบตาพุดชุด “นายอานันท์” ยัดเยียด 18 ประเภทโครงการส่ง “ผลกระทบรุนแรง”ให้ “นายอภิสิทธิ์” ประกาศใช้
การดำเนินการที่ “ขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์” ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 67 วรรคสอง โดยชัดแจ้ง รวมทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2552 อีกทั้งยัง “ไม่มีกฎหมายฉบับใด” มารองรับอำนาจการประกาศประเภทโครงการทั้งหมด
(ช่วยเหลือนายทุน ขาดจิตสำนึก ประชาชนจะตายช่างหัวมัน เลวได้ใจจริงๆรัฐบาลประชาธิปัตย์)

56. “มาร์ค”แอนด์เดอะแก๊งค์ ร่วมกัน “ปล้นชาติ 2.07 ล้านล้านบาท” ได้ “งบประมาณปี54” ผ่านขาดลอย
หนี้สาธารณะมากถึง 4.5 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การปล้นชาติปล้นแผ่นดิน (ขออำนวยอวยพรให้ได้ลงนรกอเวจี)

57. สั่งให้ปลดคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะ รัฐบาลประชาธิเปรตกำลังถูกตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น

58. เขมรดูหมิ่นเหยียดหยามบุรพกษัตริย์ไทย "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" "อภิสิทธิ์"ยังเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว(ผู้นำเลว)

59. ออกหมายเรียกพันธมิตร 79 คน คดีระหว่างสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฟ้องชุมนุมปิดสนามบิน (รัฐบาลประชาธิเปรตอยู่เบื้องหลังการออกใบสั่งชัดเจน!!)

60. ทุจริต!!โครงการเช่าคอมพิวเตอร์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชน ทางด้านการทะเบียน และทำบัตรประชาชนแบบใหม่ ของกรมการปกครอง เอื้อเอกชนไม่เป็นไปตามทีโออาร์เจตนาโกง 3,490 ล้านบาท กับบริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด

61. คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบพบการทุจริตในสำนักงานการอาชีวศึกษา กรณีเปิดประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องกว่า 136 โครงการ มูลค่า 5,300 ล้านบาท (ตั้งหน้าตั้งตาแdกกันเต็มที่)

62. กรณีที่ นาย “ชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์” ถูกองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน มีคำพิพากษาคดีที่ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองหรือคู่สมรส หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.263 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ( ป.ป.ช. ) พ.ศ.2542 ม.119 โดยป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายชุมพล เมื่อวันที่ 26 พ.ย.52 ว่า ปกปิดข้อเท็จจริงในบัญชีหนี้สินของตัวเอง 13 ครั้ง ตั้งแต่เป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2540 โดยพบว่ามีการปกปิดหนี้สินของตัวเองในบริษัทแห่งหนึ่งเป็นจำนวนหลายบัญชี
(ส่วนนาย แสงโรจน์ กาญจนะ ลูกชายนายชุมพล ก็ก่อคดีอุกฉกรรจ์ในท้องที่ สภ.อ.เมืองสุราษฎร์ธานีหลายคดี เช่น สับกุญแจมือข่มขืนแด็กนักเรียนอาชีวศึกษาหลานสาวตำรวจยศ พ.ต.ท.ขึ้นรถพาไปขืนข่นที่บ้านพัก / ก่อเหตุดวลปืนยิงตำรวจ สภ.อ.พุนพิน ที่ชาร์กี้ผับ / ใช้อาวุธปืนยิง นายกิตติ วิเศษสมบัติ พนักงานขับรถสำนักงานสรรพากร ภาค 11 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต / ก่อคดีข่มขืนวิตถารสาวพม่าจนไส้แตก แล้วแถมด้วยการฆ่าปิดปากจักรยานยนต์รับจ้างที่เข้าไปช่วยนำเหยื่อสาวชาวพม่าไปส่งโรงพยาบาล )

63. พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์หุ่นเชิด, กระทรวงการคลัง, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีไอซีที ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ มีความพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยม พลิกวิธีหลายตลบ หาเศษหาเลยจากการประมูล 3G
จนศาลปกครอง ต้องสั่งระงับการประมูลเพราะทำผิดกฎหมาย มันก็ยังจะหน้าด้านหาวิธีแdกให้ได้
ล่าสุด ครม.อนุมัติ เงินงบประมาณ 1.9 หมื่นล้าน ให้ “ทีโอที” ตั้งบริษัทลูกขยายโครงข่าย 3จี สุดยอดวิชาโกงกินชาติจริงๆ

64. รายชื่อสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าข่ายขัดมาตรา 48 และถือครองหุ้นบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ หรือคู่สัญญาอันมีลักษณะผูกขาดตัดตอน ขัดมาตรา 265 (2) จ่อถูกเชือด มีดังต่อไปนี้

1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นในบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
2.นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
3.นายสมเกียรติ ฉันทวานิช ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
4.นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
5.น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธุ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
6.นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
7.นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร ส.ส. นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
8.นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน)
9.นายวิชัย ล้ำสุทธิ ส.ส. ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
10.นายเจือ ราชสีห์ ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
11.นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
12.นางนิภา พริ้งศุลกะ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
13 .นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส. สัดส่วน กลุ่มที่ 8 พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
14.น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส. สัดส่วน กลุ่มที่ 8 พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน)
ส่วน ส.ส. ที่ถูกร้องแต่พบว่าถือหุ้นในบริษัทที่ กกต.มีมติว่าไม่เข้าข่ายห้ามถือ
1.นายสกลธี ภัทิยกุล ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)
2.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
4.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
5.นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
6.นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
7.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส. ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
8.นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ ส.ส. พังงา พรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
9.นายวินัย เสนเนียม ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)
10.พล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี ส.ส. สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

65. งบประมาณการประชาสัมพันธ์ ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในแต่ละปีกระทรวงพาณิชย์มีวงเงินด้านนี้สูงนับพันล้านบาท ก็มีข่าวทุจริต ใช้ บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน) เป็นฉากหน้าเพื่อผ่องถ่ายงบประมาณให้บริษัทเอกชนของนักการเมือง
ใช้ชื่อโครงการว่า “โครงการเผยแพร่สื่อโทรทัศน์และพาณิชย์สร้างสรรค์” มีมูลค่าโครงการที่ลงนามกับ อ.ส.ม.ท. 50 ล้านบาท แต่ในข้อเท็จจริง อ.ส.ม.ท.มีรายได้เข้าบริษัทจากโครงการนี้เพียง 4.5 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือ 45.5 ล้านบาท ถูกงาบโดยบริษัทในสังกัดนักการเมือง แล้วยังมีการต่อยอดโครงการ ระยะที่สองเพิ่มงบประมาณอีก 70 ล้านบาท รวมมูลค่า 120 ล้านบาท

66. ทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่ง สวมสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือ / กรณีจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยไม่ถึงมือผู้เดือดร้อน แต่กลับไปมอบให้หัวคะแนน / กรณีสวมรอยหาเสียงโครงการแจกข้าวถุงเฉลิมพระเกียรติ

67. แก้...รัฐธรรมนูญ มาตรา 93 - 98 เขตเลือกตั้ง เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว “หวังซื้อเสียง”
แก้... มาตรา 190 ว่าด้วยการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ “ หวังขายชาติ”

68. ทุจริตให้มีการนำ เงินสงเคราะห์ปลูกยางพารา (CESS) ไปชดเชยให้กับผู้ส่งออกที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกำหนดอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์อัตราใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2553 ที่เสนอขึ้นมาจากคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยมี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 3,000 ล้านบาท

69. กระจายกันแdกพลาญเงินภาษีของชาติ !! กระทรวงมหาดไทยขอขึ้นเงินเดือนสมาชิกองค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่า ในที่ประชุม ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อนุญาตให้กระทรวงมหาดไทยขึ้นเงินเดือนให้กับสมาชิก อบต. อย่างน่าเกลียดสุดๆ !!!ทั้งๆหนี้สินของประเทศแม้แต่ดอกเบี้ยยังไม่มีปัญญาจะจ่าย

ล่าสุด “อภิสิทธิ์” พลาญเงินภาษี ชง ครม.ขึ้นเงินเดือน ให้ตัวเองและ ส.ส. ( ยังเลวต่อได้อีก)

70. บังอาจยักยอกเงิน !! โครงการงานราตรีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชชินีนาถ glory of silk flower of love โดยเอามูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจการพาณิชย์ IBERD มาบังหน้า ทั้งๆที่การจัดงานกาลาดินเนอร์ในลักษณะขายโต๊ะไม่ได้อยู่ใน TOR ที่ได้เซ็นสัญญากับ อ.ส.ม.ท. ตั้งแต่ต้น โครงการนี้มีมูลค่าถึง 148 ล้านบาท มีรายได้เข้าอ.ส.ม.ท. เพียง 27 ล้านบาท
ที่เหลืออีก 121 ล้านบาทผ่องถ่ายให้กับสามบริษัทได้แก่ บริษัท 365, บริษัทบางกอกโชว์เคส และบริษัทเมมฟิส ที่เป็นพรรคพวกของตัวเอง

71. รัฐบาลเกี้ยเซี้ยเอี้ยแดงชัดเจน !! คดีก่อการร้าย, เผาเมือง ,วางระเบิด, ปล้นห้าง, ยิงเอ็ม 79 ,ใช้อาวุธสงครามร้ายแรง, โค่นล้มสถาบัน โดยรัฐบาลออกมติคณะรัฐมนตรีให้ปล่อยตัวผู้ร่วมชุมนุมเหตุการณ์เดือน เม.ย.ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจำนวน 104 คน เป็นการก้าวล่วงอำนาจศาล แทรกแซงอำนาจตุลาการแบบทุเรศที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และปิดกั้นความยุติธรรมที่ต้องให้แก่ประชาชน ( รัฐบาลประชาธิเปรต เลวเข้าขั้นโคม่า )

72. ทุจริตในโครงการระบายข้าว นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)ของวิทยาลัยโปลีเทคนิค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปใช้ดำเนินการระบายข้าวออกจากโกดังให้กับบริษัท เอ็ม ที เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีส่วนได้เสียและมีผลประโยชน์โครงการระบายข้าว โดยนายวีระศักดิ์ จินารัตน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำเงินกยศ.ไปให้บริษัทฯดังกล่าวยืมในฐานะรู้จักกันเป็นส่วนตัว ซึ่งกมธ.ได้ตั้งเป็นข้อสังเกตว่าบริษัท เอ็ม ที เซ็นเตอร์ มีข้าวที่จะประมูลเกือบ 6,000 ล้านบาท เหตุใดจึงไม่มีเงินประกันที่มีวงเงินเพียง 25 ล้านบาท

73. แฉทุจริตในการแทรกแซงตลาดข้าวของรัฐบาล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เห็นควรให้รัฐบาลออกคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ กองทุนร่วมเพื่อช่วยเหลือเกษตกร และหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการโครงการรับจำนำ เร่งรัดจัดทำรายงานการเงินและปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

"การที่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญที่จะดำเนินการใดๆ กับข้าวที่ค้างอยู่ในโกดัง จนก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาประมาณ 810 ล้านบาทต่อเดือน การเสื่อมสภาพของข้าวที่ค้างอยู่ในโกดังกลาง เท่ากับเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติได้"

74. ปัญหาการสำรวจผลผลิตของครัวเรือนที่ทำประกัน และข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกจริงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวพบว่า การแจ้งจำนวนพื้นที่และผลผลิต ซึ่งเป็นเงื่อนไขการรับเงินค่าชดเชยส่วนต่างมีจำนวนสูงกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรเกินความเป็นจริง และส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ

75. คนในพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้อง ลักลอบนำน้ำมันปาล์มเถื่อนจากมาเลเซียมากักตุนไว้ที่ภาคใต้ อยู่ในคลังน้ำมันเถื่อน จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นกระทรวงพาณิชย์รับลูก แอบอนุญาตให้ผู้ค้าขึ้นรวดเดียว 9 บาท ซึ่งความต้องการบริโภคของคนไทยในหนึ่งเดือนประมาณ 1 แสน 2 หมื่นตัน นำเข้าลิตรละประมาณ 30 บาท ขายลิตรละ 47 บาท ( เลวได้ถ้วยชั่วได้ใจ)

76. วิปริตวิตถารไอ้หัวถุงยาง “สอยนายทวารประตู” ของศิริโสโครก ในราบ 11 ในขณะที่หางแดงเผาบ้านเผาเมือง (โอ้ววว..จอร์จ ..นายเอี้ยมาก)

77. คดีการก่อการร้าย คดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และลงขันรุมฆ่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็กลายเป็นเพียงแค่ “ละครน้ำเน่า” ที่ทำให้ดูขึงขังหลอกประชาชนเท่านั้น

78. กรณีเลี่ยงภาษีบุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ ยี่ห้อ LM และ Marlboro รัฐบาล สมยอม และแทรกแซงให้ประเทศเสียประโยชน์ โดยให้นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย ดำเนินการเรื่องนี้กับองค์การการค้าโลก (WTO) และเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ผ่านขั้นตอนของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เท่ากับเป็นการแทรกแซงจนในที่สุด อัยการก็สั่งไม่ฟ้อง ทำให้ประเทศเสียหายไป 6 หมื่น 8 พันล้านบาท

79. ถลุงงบประมาณ อนุมัติงบกว่า 4.7 พันล้านบาท ใช้พัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทั้ง 9 ศูนย์

80. รัฐบาลหมดเม็ด ปกปิดความจริง งบซื้อรถถังขนาดเบาของยูเครน 7,200 ล้านบาท ก็ไม่มีไว้ในเอกสารรายละเอียดที่ฝ่ายรัฐบาลนำแถลงแจกแจง

81. ส่อทุจริตส่อจัดซื้อจัดจ้างกล้ายาง โครงการส่งเสริมปลูกยาง 8 แสนไร่ ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ หมกเม็ดอ้างต้นทุนเพิ่ม-กล้ายางขาดขอปรับราคาประมูลเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทั้งที่กรมวิชาการเกษตรสำรวจกล้ายางมีมากพอปลูกถึง 2 - 3 ล้านไร่

82. ตั้งใจผลาญงบอนุมัติงบกลางใช้งบฉุกเฉินหมดเกลี้ยง กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นรวม 1.37 หมื่นล้านบาท
โดยโครงการต่างๆไม่เข้าข่ายเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือมีความจำเป็นมันควรจะเป็นรายจ่ายประจำของกระทรวง หรือหน่วยงานที่ รับผิดชอบ
เช่น 1) โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ วงเงิน 96,720,000 บาท
2 )โครงการกรุงเทพฯ เมืองปลอดภัยห่างไกลอาชญากรรมตามโครงการปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย จำนวนเงินทั้งสิ้น 123 ล้านบาท
3 ) อนุมัติงบยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาการประกันภัยพืชผลและโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 จำนวน 4,042,807,285 บาท

83. ฉวยโอกาสแdกด่วนปล้นชาติซ้ำเติมแผ่นดินโดยรัฐบาลบักห่าอภิสิทธิ์ อนุมัติงบประมาณถลุงกว่า “แสนล้านบาท”ภายในวันเดียว!!ให้กับกระทรวงต่างๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคร่วมรัฐบาลกำกับดูแลอยู่ รวมทั้ง ทหาร ตำรวจ มีวาระพิจารณา เพื่อทราบ และวาระจร วาระผูกพันแล้วแต่จะมาในสารพัดชื่อเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

ผลของกรรมเริ่มทำงานแล้ว “นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะมีกำลังมากยิ่งกว่าอานุภาพแห่งกรรมดีและกรรมชั่วไปได้เลย”
.
credit  http://www.manager.co.th

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตั้งแคมป์นอนที่เสียว สุด ๆๆ แล้วหร่ะ

ภาพสุดเสียว!! นักปีนเขา ตั้งแคมป์นอนห้อยลงมาตรงหน้าผา




ภาำพการปีนเขา
สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักถ่ายภาพแนวหวาดเสียวเผยภาพ นักปีนเขากลุ่มหนึ่งตั้งแคมป์ที่ขอบหน้าผาซึ่งมีความชันจนเกือบเป็นแนวตรง ที่ความสูงกว่า 4,000 ฟุต (ประมาณ 1,219 ม.)
โดยภาพ เหล่านี้เป็นผลงานของ กอร์ดอน วิลท์ซี่ ช่างภาพวัย 57 ปี ซึ่งมีความชอบในการถ่ายภาพหวาดเสียว เขาเผยว่า ช่วงที่นักปีนเขากลุ่มนี้ปีนขึ้นไปอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หิมะจึงละลายส่งผลให้เศษก้อนหินไหลลงมาตามหน้าผา และความพยายามเกือบจะล้มเหลว เมื่อมีก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาเกือบจะชนกลุ่มของพวกเขา นอกจากนี้การมีโขดหิน จำนวนน้อยทำให้ยากต่อการหาที่ยึดเกาะ ก็เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร กับการกางเต็นท์ชนิดพิเศษ และใช้ชีวิตอยู่ในนั้น
ทั้งนี้ภาพเหล่านี้ จะถูกจัดไว้ในนิทรรศการรวมผลงานของวิลท์ซี่ ซึ่งเขายังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า แม้การปีนเขาแบบนี้ จะดูเป็นเรื่องไร้สาระและบ้าบิ่นแต่มันก็เกิดขึ้นทุกๆปี

ภาพการปีนเขา
ภาพการปีนเขา
ภาำพการปีนเขา
Photo:: Gordon Wiltsie/National Geographic/Caters News

 
ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟัน ซะก่อน
สดชื่นในยามเช้า อ่ะ

credit   http://news.clipmass.com



วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทึ่ง! สุวิมล ฟองแก้ว ครูนักสู้ใช้เท้าสอนหนังสือ

ทึ่ง! สุวิมล ฟองแก้ว ครูนักสู้ใช้เท้าสอนหนังสือ







ขอบคุณ กระปุกดอทคอม เรียบเรียงข้อมูล

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com , รายการวีไอพี
ขอขอบคุณภาพประกอบจากโทรทัศน์ครู  http://www.thaiteachers.tv/vdo2.php?id=690

          "ครู" เปรียบเสมือนเรือจ้างที่จะพาลูกศิษย์ไปให้ถึงฝั่ง ถือเป็นบุคคลที่ควรให้การเคารพ และวันนี้กระปุกดอทคอม ก็มีเรื่องราวของ "ครู" คนหนึ่งที่มีจิตวิญญาณความเป็น "ครู" อย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าเธอจะพิการไร้แขนและขามาตั้งแต่กำเนิด แต่เธอก็เพียรพยายามฟันฝ่าอุปสรรคทางร่างกาย จนได้เป็น "ครู" สมใจ

          โดยครูยอดนักสู้คนนี้ คือ ครูสุวิมล ฟองแก้ว อายุ 31 ปี ครูประจำโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เธอป่วยเป็นโรคโปลิโอมาตั้งแต่เกิด ทำให้ร่างกายไร้แขนทั้งสองข้าง โดยแขนซ้ายกุดระดับไหล่ ส่วนแขนขวาถึงระดับข้อศอก ขณะที่เท้าซ้ายก็โค้งงุ้มงอ แต่โชคดีที่เธอยังมีขาขวาที่พอจะช่วยพยุงร่างกายให้ดำเนินต่อไปได้

          ครูสุวิมล เล่าว่า เธอเป็นคนจังหวัดลำปาง เกิดในครอบครัวชาวนา มีความใฝ่ฝันจะเป็น "ครู" ตั้งแต่เล็ก ๆ จึงได้ฝึกฝนทักษะการใช้เท้าซ้ายเรื่อยมา เพื่อจะได้ดำรงชีวิตประจำวันทำงานได้เหมือนคนปกติ ทั้งหยิบจับสิ่งของ ทานข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว รับโทรศัพท์ ฯลฯ และหัดเขียนด้วยการใช้เท้ามาตั้งแต่เด็ก แทบไม่น่าเชื่อว่า แม้การเขียนจะเป็นอุปสรรคกับครูสุวิมล แต่เธอก็เรียนเก่งมีผลการเรียนติด 1 ใน 5 ของห้องมาโดยตลอด

          ต่อมาครูสุวิมลได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จนจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา โดยสาเหตุที่เลือกเรียนสาขาคอมพิวเตอร์ เพราะเธอมองว่า การใช้คอมพิวเตอร์เป็นจะสามารถนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัว และไม่ต้องทำให้ใครเดือดร้อน

          จน กระทั่งวันหนึ่ง ครูสุวิมลเห็นประกาศรับสมัคร "ครู" เธอจึงไม่รอช้าที่จะไปสอบบรรจุทันที จนสอบผ่านได้เป็น "ครู" สมใจเมื่อปี 2549 แม้ว่าในวันแรกที่เข้าไปรายงานตัวในโรงเรียน ทางโรงเรียนจะตกใจกลัวเธอจะสอนนักเรียนลำบาก แต่ด้วยประสบการณ์และทักษะการใช้เท้าบังคับเม้าท์ บวกกับการพิมพ์คอมพิวเตอร์ด้วยแขนเทียมที่ฝึกมาอย่างโชกโชน นั่นจึงไม่เป็นปัญหากับครูสุวิมลเลยแม้แต่น้อย เธอสามารถสอนลูกศิษย์ได้อย่างดี จนครั้งหนึ่งลูกศิษย์ของครูสามารถคว้าเหรียญทอง ในการแข่งขันเขียนโปรแกรม e-book ของนักเรียนภาคเหนือมาได้สำเร็จ สร้างความประทับใจให้กับครูเป็นอย่างมาก
          นอกจากนี้ ด้วยจิตใจของความเป็นครูที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ครูสุวิมลได้รับการยกย่องและชื่นชมจากครูด้วยกันเอง รวมทั้งจากนักเรียนและผู้ปกครองด้วย โดยครูสุวิมลก็บอกว่า ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ครู ความพิการทางกายไม่ใช่อุปสรรค แต่เธอต้องต่อสู้กับจิตใจของเธอ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้จิตใจของตัวเองอยู่เสมอ เพราะเธอรักอาชีพครูมาก และต้องการสอนเยาวชนของชาติให้มีการศึกษา เพื่อจะนำไปพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ณ วันนี้ถือว่าภูมิใจแล้วที่สามารถก้าวมาถึงจุดนี้

          และ นี่ก็คือเรื่องราวครูสุวิมล ฟองแก้ว ครูยอดนักสู้ ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ อย่างแรงกล้า ในการอบรมลูกศิษย์ให้มีความรู้ และเป็นคนดีของสังคม โดยที่ความพิการทางกายของเธอมิได้เป็นอุปสรรคขวางกั้นจิตวิญญาณของความเป็น ครูเลย ใครที่กำลังท้อแท้กับอุปสรรคต่าง ๆ ลองดูเรื่องราวของครูสุวิมลเป็นตัวอย่าง แล้วลุกขึ้น "สู้" อีกครั้งกันเถอะค่ะ

ขอเรียกว่า ยอดคุณพ่อ น่าจะเหมาะสมที่สุด

นี่สิ..ลูกผู้ชายตัวจริง (ขอเรียกว่า ยอดคุณพ่อ แห่งศตวรรษ)


จากเรื่องจริง
ลูกชายถามพ่อว่า
พ่อครับ พ่อจะเต็มใจไปวิ่งมาราธอนกับผมหรือเปล่า
แม้ว่าพ่อจะเป็นโรคหัวใจและอายุมากแล้ว เขาตอบลูกว่า ได้สิลูก  
แล้วพ่อกับลูกก็ไปวิ่งมาราธอนด้วยกัน
อีกครั้ง ลูกชายถามพ่อว่า
พ่อครับ เราไปแข่งวิ่งมาราธอนด้วยกันอีกไหมครับ
พ่อตอบลูกชายเช่นเดิมว่า ได้สิลูก
สองพ่อลูกลงแข่งมาราธอนด้วยกันอีกครั้ง 
อีกวันนึง ลูกชายบอกพ่อว่า
พ่อครับ ไปแข่ง Iron Man กับผม นะครับพ่อ

ถึงตรงนี้  เผื่อคุณไม่รู้ว่า iron man คืออะไร
iron man หรือ การแข่งขันยอดมนุษย์เหล็ก
ซึ่งเป็นการแเข่งขันไตรกีฬาที่โหดที่สุด
คุณต้องว่ายน้ำ
4 กิโล ขี่จักรยาน 180 กิโล วิ่งอีก 42 กิโล
ติดต่อกันจนกว่าจะเข้าเส้นชัย
อ่านแค่นี้ คุณอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร จนกว่าคุณจะได้ดูคลิปนี้

VDO แข่งขันไตรกีฬา
Father runs triathlon with his son in tow



VDO รวมเรื่องราว ตั้งแต่เด็ก


ขอสารภาพว่าตอนแรกที่อ่านข้อความข้างบนนี้จากฟอร์เวิร์ดเมล์
ที่เพื่อนส่งมาให้ก็ยังไม่รู้สึกอะไร จนได้เปิดดูคลิปใน you tube นั่นแหละ
ถึงได้มีอาการแอบน้ำตาซึมกะเขาเหมือนกัน
ยิ่งเข้าไปอ่านเรื่องราวของทีมฮ้อยท์ในเวบ
ยิ่งประทับใจกับพลังของความรักที่พ่อคนนี้
ส่งต่อผ่านลูกชายไปยังผู้คนทั่วโลก
จะมีพ่อสักกี่คนกันที่จะเป็นฮีโร่ตัวจริงของลูกได้เท่าผู้ชายคนนี้ 
หัวใจของพ่อลูกคู่นี้ยิ่งใหญ่งดงาม
จนอดนึกไม่ได้ว่า
หากทุกคนสามารถมอบความรักให้คนในครอบครัวหรือใกล้ตัวได้ขนาดนี้
อบอุ่น น่าอยู่ขึ้นอีกมากมาย



ทีมฮ้อยท์ (Team Hoyt) หรือคู่พ่อลูก ดิคและริค ฮ้อยท์ ชาวแมสซาชูเซทส์
สหรัฐฯ  ผู้โด่งดังจากการเข้าแข่งขันรายการมาราธอน  รายการไตรกีฬา
และการแข่งขันกีฬาทรหดอื่นๆด้วยกัน 
ริคลูกชายพิการทางสมองตั้งแต่เล็ก เพราะสายรกพันคอทำให้สมองถูกทำลายจากการขาดออกซิเจน

ภาพที่ทุกคนคุ้นตาคือ  ภาพดิคผู้พ่อว่ายน้ำลากเรือบรรทุกริค ปั่นจักรยาน
โดยมีริคนั่งอยู่ด้านหน้า และเข็นเก้าอี้วีลแชร์ของริคแข่งวิ่งไปด้วยกัน
ดิคและจูดี้ภรรยาไม่สนใจคำพูดของหมอตอนริคอายุได้ 9 เดือนที่บอกให้ทิ้งริคไว้กับสถานดูแลคนพิการเพราะริคจะเป็นได้แค่มนุษย์ผักตลอดชีวิต
ดิคและจูดี้สังเกตเห็นริคกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องมองตามพวกเขาตลอด

ทั้งคู่พาลูกกลับบ้าน มุ่งมั่นที่จะเลี้ยงริคเหมือนคนปกติเท่าที่จะทำได้ ดิคกับจูดี้เชื่อว่าริคฉลาดไม่น้อยไปกว่าน้องชาย 2 คนที่เกิดมา

หลังจากนั้น ดิคต่อสู้เพื่อให้ริคได้เข้าเรียนเหมือนเด็กปกติทั่วไป 
ดิคบอกครูและเจ้าหน้าที่การศึกษาว่า การที่ริคพูดไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าริคไม่รู้เรื่อง สองคนพ่อแม่สอนพยัญชนะและสระให้กับลูก และพยายาม
ให้ริคได้ัรับการยอมรับและมีส่วนร่วมในทุกๆอย่างเสมอ  

เมื่อริคอายุ 11 ปี ดิคกับจูดี้พาริคไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย
Tufts    เพื่อปรึกษาหาเครื่องมือช่วยริคในการสื่อสาร 

แม้จะถูกปฏิเสธในตอนแรกเพราะไม่มีใครเชื่อว่าสมองของริคจะรับรู้อะไรได้
ดิคยืนยันท้าทายให้คนที่นั่นลองเล่าเรื่องตลกให้ริคฟังริคหัวเราะและทำให้
วิศวกรที่ทัฟท์รู้ว่า ริคเฉลียวฉลาดและสมองยังทำงานได้หลายส่วน พวกเขา
ช่วยประดิษฐ์คอมพิวเตอร์พิเศษให้ริคสามารถสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของเขาได้  ริคอาศัยการขยับศีรษะไปมาในการเลื่อน cursor ไปตามตัวอักษรต่างๆหน้าจอและสัมผัสสวิทซ์ข้างๆศีรษะให้ cursor หยุดที่ตัวอักษรที่เขาต้องการ  
ดิคผู้พ่อต้องทำงานนอกเวลาเพื่อหาเงินระดมทุนมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ
เครื่องมือสื่อสารราคา 5,000 เหรียญของลูก 

เมื่ออายุได้ 12 ปี คำแรกที่ริค พิมพ์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์นี้  ก็คือ  
“Go Bruins” (ประมาณ  Bruins สู้ สู้ )
เป็นการเชียร์ทีมฮอคกี้ที่กำลังแข่งขันรอบสุดท้ายในขณะนั้น 
ทำให้ครอบครัวรู้ว่า ริครักและเป็นแฟนกีฬาคนนึง 

 พ่อลูกคู่นี้เริ่มแข่งขันครั้งแรกเมื่อปีคศ 1977 ในการวิ่งการกุศล 5 ไมล์ของโรงเรียนเพื่อช่วยเพื่อนนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาลาครอส   
ดิคผู้มักจะเรียกตัวเองว่าหมูขุนและไม่เคยวิ่งได้เกินครั้งละไมล์   
ตอบตกลงที่จะวิ่งเข็นวีลแชร์ไปกับลูก 

การวิ่งครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตของริค ริคมีความสุขมากเขาพิมพ์คอมพิวเตอร์
บอกพ่อว่า

พ่อครับ เวลาที่เราวิ่งด้วยกัน ผมรู้สึกว่าผมไม่ใช่คนพิการเลย 

ประโยคนี้เปลี่ยนชีวิตของดิคเช่นกัน นับแต่วันนั้น ดิคทำทุกอย่าง
ที่ทำให้ลูกรู้สึกเช่นนั้นบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปี
1979 ดิคเริ่มฟิตร่างกายอย่างหนักเตรียมตัวแข่งบอสตันมาราธอนกับริค
ลูกชาย
  แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมในการแข่งขันในปีนั้น เพราะขาด
คุณสมบัติในการเป็นนักวิ่ง   ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
ทั้งสองคนได้แต่ร่วมวิ่งไปพร้อมๆกับกลุ่มคนทั่วไปอยู่ 2-3 ปี กว่าจะได้รับ
อนุญาตให้ลงแข่งขันบอสตันมาราธอนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในปี 1983 
หลังจากไปทำเวลาเข้าเส้นชัยใน 2 ชั่วโมง 45 นาที จากการแข่งขันมาราธอน
ที่วอชิงตันดีซีได้สำเร็จ  

เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจแรงต่อต้านที่สองพ่อลูกเคยเจอในอดีต
 ทัศนคติ
ที่ผู้คนมีต่อคนพิการเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่ดิคและริคเข้าร่วมการแข่งขัน
บอสตันมาราธอน และได้อยู่ในกลุ่มต้นๆที่เข้าถึงเส้นชัย 

ดิคเล่าให้ฟังถึงวันวานที่น่าเศร้ามากกว่าจะขุ่นเคืองว่า


"ไม่มีใครอยากให้ริคลงแข่งด้วย ทุก คนได้แต่มอง ไม่พูดอะไร ไม่มีใคร
อยากเข้ามาเสวนาหรือสุงสิงกับเรา แต่คุณว่าพวกเขาไม่ได้หรอก
คนไม่ค่อยเข้าใจและมีความรู้เรื่องคนพิการ ไม่เคยเห็นคนแบบเราสองพ่อลูก  
จนเวลาผ่านไปได้สักพักนึง พวกเขาถึงได้เห็นว่า ริคก็เป็นมนุษย์คนนึงเหมือนกัน  
เช่น เป็นคนที่มีอารมณ์ขันสุดๆ  หลังจากนั้น นั่นแหละ ทุกอย่างถึงได้
เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก" 



หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนได้ 4 ปี มีคนชวนให้ดิคลงแข่งไตรกีฬาเพราะเห็นศักยภาพของเขา ดิคตอบตกลงโดยมีข้อแม้ว่าต้องมีริคแข่งด้วยเท่านั้น ผู้ชายกลางคนที่ขี่จักรยานครั้งสุดท้ายตอนอายุ 6 ขวบ ไม่เคยเรียนว่ายน้ำและจมดิ่งลงไปเหมือนก้อนหินในครั้งแรกที่ลงน้ำ อย่างดิคต้องกลับมาฝึกฝนใหม่ เพื่อจะเข็นและลากลูกชายหนัก 110 ปอนด์วิ่ง 10 ไมล์ ว่ายน้ำอีก 1 ไมล์ ขี่จักรยานอีก  50 ไมล์ ไปด้วยกันตลอดการแข่งขันไตรกีฬาที่จัดขึ้นในวันพ่อปี 1985  แม้จะได้ตำแหน่งรองบ๊วย สองพ่อลูก ทีมฮ้อยท์ก็หัวเราะและมีความสุขกับของขวัญวันพ่อที่ริคให้กับดิค 




ตั้งแต่นั้นมา ทีมฮ้อยท์ (team hoyt) ก็เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งในและนอกประเทศ  
และพยายามพัฒนาเวลาในการเข้าเส้นชัยเรื่อยๆ  
ทุกๆการแข่งขันริครู้สึกว่าความพิการของเขาหายไป 
ความรักในเกมกีฬาและการแข่งขันของริค
เป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ดิคผู้พ่อ  
ในขณะที่สำหรับริค

"พ่อเป็นแบบอย่างของผม เมื่อพ่อตั้งใจทำอะไร  ไม่ว่าเรื่องไหน พ่อจะมุ่งมั่นกับสิ่งนั้นจนสำเร็จ อย่างตอนที่เราตัดสินใจเข้าแข่งไตรกีฬา พ่อออกกำลังกายวันละ  5 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 5 วัน ไม่หยุดแม้แต่ในวันทำงาน”  


แรงบันดาลใจที่พ่อลูกมีให้กันและกันยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆอีกด้วย  
ทั้งคนดูและเพื่อนผู้เข้าร่วมการแข่งขันต่างยึดถือทีมฮ้อยท์เป็นตัวอย่างของความ
มุ่งมั่นที่ทรงพลัง ดิคบอกว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่ได้เห็นทั้งคนที่ฟิตร่างกายมา
เป็นอย่างดีหรือ หุ่นยังไม่เข้าที่ เดินเข้ามาขอบคุณแล้วบอกว่า เพราะทีมฮ้อยท์
พวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่

ริคโน้ตเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันไว้ว่า

"ทุกครั้งที่เราขี่จักรยานผ่านนักกีฬาคนอื่นๆ พวกเขาจะร้องบอกว่า สู้ สู้ !
  
ไม่ก็  ริค ช่วยพ่อนายด้วยนะ  หรือตอนที่เราวิ่งผ่านคนอื่นๆ
พวกเขาจะร้องเชียร์ ทีมฮ้อยท์ สู้ สู้  หรือ ถ้าไม่เพราะพวกคุณ
เราคงไม่ออกมาแข่งแบบนี้"  


สิ่งสำคัญที่สองพ่อลูกได้เห็นก็คือ ความพยายามของพวกเขามีความหมายต่อคนพิการ และมีีผลกระทบต่อทัศนคติของสังคมที่มีต่อคนพิการทางกายและสมอง

"เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่" ดิคบอก "คนในสังคมต้องได้รับการศึกษาในเรื่องนี้
 ริคกำลังช่วยหลายๆครอบครัวที่มีลูกหลานทุพพลภาพในการต่อสู้เพื่อให้ได้รับการยอมรับในสังคม"


แต่นั่นก็ยังไม่ได้หมายความว่าอุปสรรคของสองพ่อลูกจะถูกขจัดออกไปได้
ทั้งหมด  ดิคยังอดขุ่นใจไม่ได้เมื่อเห็นคนรู้สึกพะอืดพะอมหรือรังเกียจเวลา
เห็นริคไม่สามารถควบคุมลิ้นเวลากินอาหารได้   

ในร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนแก่ๆเท่านั้น พวกเขาจะเปลี่ยนโต๊ะทันที หรือ ลุกหนีออกไป เวลาเห็นเศษอาหารไหลย้อยออกมาจากปากริค  
แต่ผมต้องบอกว่าความรู้สึกทนไม่ได้แบบนั้นค่อยๆหายไป "

ความสำเร็จของริคนอกเหนือจากการเป็นคู่ดูโอด้านกีฬากับพ่อ
คือการเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยบอสตันและได้รับปริญญาตรีในปี 1993
ด้านการศึกษาพิเศษ ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์  ริคก็เข้าร่วม
ในการแข่งบอสตันมาราธอนอีกครั้ง ริคจำภาพงดงามวันนั้นได้เป็นอย่างดี
วันที่แข่งมาราธอน ทุกคนในสนามอวยพรให้เขาโชคดี และร่วมกันลงชื่อเขียนข้อความยินดีที่เขาสำเร็จการศึกษา


หากนับถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ กว่า 25 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทั้งหมด รวมแล้วกว่า 984 รายการ
(เป็นไตรกีฬา 229 ครั้ง 6 ในนั้นคือการแข่งขัน iron man ยอดมนุษย์เหล็ก  
น่าประทับใจขนาดไหนสำหรับพ่อสูงอายุที่ต้องลากลูกชายหนุ่มใหญ่กับการแข่งขันติดต่อกัน 15 ชั่วโมงอย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส ผ่านหนุ่มฉกรรจ์ผู้ร่วมแข่งขันหลายคนตั้งหลายครั้ง  ทวิกีฬา 20 ครั้ง มาราธอน 66 ครั้ง แข่งสกี  ไต่เขา ร่วมขี่จักรยานและวิ่งข้ามประเทศรวมระยะทาง 3,735  ใน 45 วัน)

เคยมีคนถามดิคก่อนหน้านี้ว่า ทำไมไม่ลองลงแข่งเองคนเดียวบ้าง เพราะขนาดต้องแบกลูกชายปุเลงๆไปแข่งด้วยอย่างนี้ ยังทำสถิติได้ขนาดนี้  
ดิคตอบว่า ไม่มีทาง  

แรง บันดาลใจที่ทำให้ดิค เข้าร่วมการแข่งขันทุกอย่างคือความสุขที่ได้ จากการเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของริคทุกครั้งที่ได้วิ่ง ว่ายน้ำ และ ปั่นจักรยานไปพร้อมกัน สิ่งที่พ่อลูกทำร่วมกันเหมือนการรักษาชีวิตของกันและกัน ครั้งนึงดิคเคยหัวใจวายในขณะแข่งขัน หลอดเลือดแดงของริคอุดตันถึง 95%  หมอบอกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการออกกำลังกายและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเพื่อการแข่งขัน ดิคอาจจะตายตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว



ปัจจุบัน ดิคอายุ 68 เป็นนาวาโทเกษียณอายุราชการจากกองทัพอากาศ

ริคอายุ 46 ทำงานอยู่ที่ห้องแลบคอมพิวเตอร์ที่บอสตันคอลเลจ
 
กำลังช่วยพัฒนาโปรแกรม  "Eagle Eyes" เพื่อให้ผู้ป่วยอัมพาต

สามารถใช้การเคลื่อนไหวของลูกตาในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์

ช่วยเหลือต่างๆ อาทิ  วีลแชร์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

ริคอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเม้นท์ของเขาเองโดยมีคนดูแล

ทั้งสองพ่อลูกยังหาเวลาทำกิจกรรมด้วยกันอยู่เสมอ

ทั้งในการเข้าร่วมการแข่งขันต่างๆทุกสุดสัปดาห์

ควบคู่ไปกับการออกทัวร์เป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ

ให้กับผู้คนทั่วประเทศ  

ริคมั่นใจว่า การที่คนได้เห็นความพยายามของเขา

และความมุ่งมั่นอุทิศตนของพ่อ  ก่อให้เกิดผลลัพท์ที่ทรงพลัง

มีคุณค่ามากสำหรับโลกใบนี้

โลกที่มีการแบ่งแยก เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ

ดิคและริคอยากจะสื่อให้ทุกคนรับรู้และเข้าใจว่า

คนทุกคนควรได้รับการยอมรับให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเขาจะมีความบกพร่องทางร่างกายหรือไม่ก็ตาม


ริคเคยบอกว่าสิ่งที่เขาหวังอยากทำมากที่สุด  คือ
การขอให้พ่อมานั่งเก้าอี้วีลแชร์ของเขา ให้เขาได้เข็นรถให้พ่อบ้าง
 
สำหรับริค  ดิคคือพ่อแห่งศตวรรษ พ่อไม่เพียงแต่เป็นแขนและขา

ของเขาเท่านั้น แต่พ่อยังเป็นแรงบันดาลใจ เป็นคนให้โอกาสเขา

ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปอย่างเต็มที่ที่สุด และพ่อยังเป็นแรง

บันดาลใจให้คนอื่นๆได้ทำในสิ่งเดียวกันอีกด้วย




ขอขอบคุณ

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.teamhoyt.com
ภาพและเพลงจากอินเตอร์เนต

และ ขอขอบคุณ...ทีมฮ้อยท์ (team hoyt) ดิคและริค

สำหรับเรื่องราวที่งดงามของพวกคุณที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า

การแสดงออกซึ่งความรักความผูกพันที่มีให้กัน

แต่ทำให้ฉันรู้ว่าพลังของความรักที่แท้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับหัวใจที่ยิ่งใหญ่

ไม่ว่าจะอยู่ในร่างกายแบบไหน

พวกคุณทำให้ฉันเห็นว่า

วันนี้ ขอเพียงเราเข้าใจสิ่งที่เพื่อนมนุษย์บางกลุ่มต้องเผชิญ

เราอาจเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองที่มีต่อกัน

ทำให้หัวใจของเพื่อนร่วมโลกสดใสและมีความสุขมากกว่า



สุดยอดแห่งความสุขของครอบครัวตัวจริง ไม่มีเสแสร้ง ทำเพื่อให้โลกรู้ว่า 

ถ้ามีใจให้กันแล้ว อะไรก็ไม่สามารถปิดกั้น  ทำได้เกินกว่าความเป็นพ่อ



 credit http://www.oknation.net/blog/print.php?id=339049

ขอบคุณ  ภูผาน้ำฝน  สำหรับเนื้อหาและการให้คำบรรยายที่ได้ประทับใจ